ความเชื่อทางโภชนาการในอดีตที่หลอกลวง

คำถามด้านอาหารที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและโภชนาการจึงเกิดขึ้นตลอดเวลา อย่างเช่น  รับประทานเนยแล้วไม่ดีต่อร่างกายใช่ไหม?  ถ้าสมูทตี้และน้ำผลไม้มีน้ำตาลอยู่ ควรจะดื่มหรือไม่? ถ้ามีผักผสมอยู่จะรับประทานอย่างไร?  น้ำนมดีหรือไม่ดี?  ผลการศึกษาทางโภชนาการบางอย่างทำให้สิ่งที่เคยเชื่อในอดีต กลายเป็นความเท็จอย่างสมบูรณ์แบบไปแล้ว  แต่ด้วยความที่ไม่ทราบข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน นั่นอาจเป็นอุปสรรคต่อสุขภาพขึ้นมาได้ 

ความเชื่อทางโภชนาการที่ผิดพลาด

 “การกินไข่มากเกินไปไม่ดีต่อสุขภาพ”  หลายคนจึงกลัวการกินไข่เพราะเชื่อว่าไข่นั้นมีคอเลสเตอรอลสูง  และจะไปเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ  ทั้งนี้มีการศึกษานับไม่ถ้วนที่แสดงให้เห็นว่าไข่ไม่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ   ดังนั้นความเชื่อเกี่ยวกับไข่ข้างต้นจึงผิดพลาด  

 “น้ำมันพืชดีต่อสุขภาพ”  มีการศึกษาที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ชี้ให้เห็นว่าไขมันไม่อิ่มตัวช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ  และนี่คือเหตุผลที่ทำให้คนคิดว่าน้ำมันพืชเช่น น้ำมันดอกทานตะวันเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ   แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาทางโภชนาการก็คือ มีไขมันไม่อิ่มตัวนั้นมีหลายชนิด ส่วนใหญ่เป็นโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6      และคนส่วนใหญ่บริโภคโอเมก้า-3 น้อยเกินไป 

“เนื้อสัตว์ไม่ดีต่อร่างกาย”  เนื้อสัตว์ที่วางขายในซุปเปอร์มาร์เก็ตทุกวันนี้ แตกต่างจากเนื้อสัตว์ที่บรรพบุรุษของมนุษย์เคยบริโภคในอดีต   เพราะมาจากสัตว์ที่ถูกเลี้ยงในที่แคบๆ และก็ผ่านการแปรรูปมามากมาย นั่นหมายความว่าเนื้อสัตว์บางชนิดอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ  แต่ไม่ใช่ทั้งหมด   

         “ทุกแคลอรี่มีค่าเท่ากัน”  อาจจะใครบางคนบอกว่า ถ้าต้องการลดน้ำหนักก็เพียงแค่รับแคลอรี่เข้าไปให้น้อยกว่าที่ต้องใช้  นั่นไม่จริง เพราะสิ่งที่บริโภคสําคัญมากกว่าจํานวนแคลอรี่ที่ได้รับ   

“กินไขมันแล้วทําให้อ้วน”  หากย้อนกลับไปในช่วงปี 1970 ข้อมูลโภชนาการตัดสินแล้วว่าไขมันทําให้อ้วนและชั้นวางสินค้าในซุปเปอร์มาร์เก็ตล้วนเต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์ไขมันต่ำและปราศจากไขมัน  แต่ตอนนี้  คําแนะนําที่ล้าสมัยนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นเท็จทั้งหมด

ข้อเท็จจริงของความเชื่อทางโภชนาการในอดีต

แล้วความจริงทางโภชนาการที่พิสูจน์แล้วเป็นอย่างไร

“การกินไข่มากเกินไปไม่ดีต่อสุขภาพ”  เป็นเท็จเพราะไข่ให้โปรตีนสูง  มีไขมัน วิตามิน แร่ธาตุเพื่อสุขภาพ  รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีอาหารเพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่สามารถให้โภชนาการได้เหมือนกับไข่   

 “น้ำมันพืชดีต่อสุขภาพ”  เป็นเท็จเพราะร่างกายมนุษย์ต้องได้รับโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 ในปริมาณที่สมดุลกัน  แต่คนส่วนใหญ่บริโภคโอเมก้า-3 น้อยเกินไป  นั่นคือเหตุผลที่ว่า น้ำมันพืชอาจไม่ดีต่อสุขภาพ   เพราะฉะนั้นหากต้องการลดความเสี่ยงจากโรคต่างๆ  ก็ควรบริโภคโอเมก้า-3 และเลือกน้ำมันพืชที่แตกต่างออกไป เช่น น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันเรปซีด

“เนื้อสัตว์ไม่ดีต่อร่างกาย”  ไม่จริง ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ดีที่จะรับประทานเนื้อแดงที่ไม่ผ่านการแปรรูปและปรุงสุกแล้วสัปดาห์ละครั้ง เพราะในทางโภชนาการแล้วอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ รวมทั้งมีโปรตีนและไขมันทีดี ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพ  

         “ทุกแคลอรี่มีค่าเท่ากัน”  ลองเปรียบเทียบกับไขมันและคาร์โบไฮเดรตในปริมาณที่ให้แคลอรี่เท่ากัน  การรับประทานโปรตีนจะช่วยลดความอยากอาหารลงได้  เพราะโปรตีนดัชนีความอิ่มสูง  

 “กินไขมันแล้วทําให้อ้วน”  ไม่จริงและสิ่งต่อไปนี้คือสิ่งที่ควรจะรับประทาน เพื่อให้ได้ไขมันเพื่อสุขภาพ  ไขมันจากปลาโดยเฉพาะปลาแซลมอนและปลาทูน่าที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่ดีต่อสุขภาพหัวใจ  อะโวคาโดที่มีกรดโอเลอิกซึ่งเป็นไขมันที่ช่วยลดความดันโลหิต     

         การจะปักใจเชื่อข้อมูลทางโภชนาการที่บอกต่อๆ กันมาอาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเราเพราะผลการศึกษาวิจัยด้านโภชนาการนั้นทำให้เกิดข้อสรุปใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา ดังนั้นคงเป็นเรื่องยากที่จะติดตามว่า สิ่งที่ควรหรือไม่ควรบริโภค แต่เพื่อสุขภาพที่ดีการเปิดหูเปิดตาก็เป็นส่งที่ควรกระทำ

เครดิตภาพจาก pixabay.com

#โภชนาการน่ารู้ #ความเชื่อทางโภชนา #ความจริงเรื่องโภชนาการ